X

名家名伶-白驹荣 (汉语、泰语)


翻译制作:国家艺术基金“面向东盟国家粤剧多语种传播平台建设”项目组

中文:


白驹荣(1892—1974)粤剧白派艺术创始人。原名陈荣,字少波,广东顺德人。其父陈厚英是粤剧演员。白驹荣九岁丧父,因生活无依由大母亲韦氏抚养长,供读私塾四年。十四岁家贫辍学,十九岁之前在家乡当学徒和店员。

1912年,二十岁的白驹荣到“民寿年”班任第二小生,师事著名男花旦扎脚文,两人合演《仕林祭塔》《闺留学广》等戏,广获好评,不久被提为正印小生。1913年下半年,白驹荣进入宝昌公司属下的四大名班之一的“国丰年”班任第二小生,演出《柴桑吊孝》时唱自己设计的新腔,演出《狄青三取珍珠旗》改动唱词,特别是演出《金生挑盒》时,创造了用广州方言唱“平喉”(真嗓),大受观众欢迎,白驹荣由此而成名。此后又转到“华天乐”班任正印小生,往来演出于广州、香港各大戏院。从1917年到1925年,是白驹荣粤剧艺术发展的黄金时期。他演出连台本戏《再生缘》时饰演皇帝一角,因在表演上精雕细刻,唱腔新颖丰富,令观众耳目一新,在澳门和香港引起轰动。因为表演技艺精进和艺术造诣高超,被广大观众和戏班同行美誉为“粤剧小生王”。

1926年到1937年期间,白驹荣两度出国演出,先是1926年应美国三藩市大中华戏院之聘,到该市合作演出《泣荆花》《客途秋恨》等剧,大受华商观众欢迎。后来又于1936年到越南的海防、西贡和新加坡马来亚以及菲律宾等国家和地区演出,粤剧“小生王”的美誉蜚声海外。这十年之间,白驹荣因不甘受制于宝昌公司的老板,一度暂停舞台演出,专事灌制唱片的工作,主要的片有《金生挑盒》《再生缘》《泣荆花》等。1937年的白驹荣开始罹患眼疾,影响了他的舞台演出活动。1937年至1947年,是白驹荣舞台生涯的低落时期。1938年日军飞机轰炸广州,他与薛觉先同往香港参加“觉先声”剧团,各自发挥所长,合演《十三妹》《女儿香》《苏小妹三难新郎》等剧,仍然受到观众欢迎。日本侵略军占领香港后,为了维持同行艺人的生活,他冒险组班演出《双枪陆文龙》《落霞孤鹜》等戏。

1951 年,白驹荣参加广州市曲艺大队,担任队长,为抗美援朝捐献飞机大炮义演, 1955 年曲艺大队演出粤剧《重冤得雪太阳红》,他饰瞎子爷爷,大受观众欢迎。1953 年初,广州市粤剧工作团成立,担任团长的白驹荣仍坚持参加演出《白蛇传》《宝莲灯》等剧,改演老生、丑生。演出前,工作人员在舞台地毯下放上几条长竹片,他凭触觉辨别舞台前后及出入口位置,凭听觉与合演者交流。白驹荣于1955 年加入中国共产党,是粤剧界第一个艺人党员。1956 年,他赴京参加全国先进生产(工作)者代表大会,在中南海怀仁堂演出短剧《二堂放子》,与其他演员一起受到周恩来总理的接见。1958 年,他调任广东粤剧院艺术总指导,次年任广东粤剧学校校长,培育了大批粤剧接班人。白驹荣曾任广东省人民代表大会代表、中国戏剧家协会广州分会主席。1974年2月13日,白驹荣因病医治无效,在广州市第一人民医院逝世,终年八十三岁。他在粤剧界较早将观众难以听懂的舞台官话改唱白话(即广州方言)。他的念白,有声有味,富有音乐感,演唱吐字玲珑,叮板扎实,感情细腻,运腔简朴流畅,跌宕有致,令人感到韵味无穷。他经过反复实践,发展了金山炳的"平喉"(即小生演唱由假嗓改用真嗓),成为粤剧的一种主要唱法,对发展粤剧唱腔艺术做出了贡献。

泰语

บาก เคออล วิง(白驹荣, บายจูรง 1892-1974) โรงเรียนบาคอุปรากรกวางตุ้ง แต่เดิมนั้น เขามีชื่อว่า Chen Rong แต่ก็ได้ตั้งชื่อตัวเองให้เท่ห์ๆว่าซาวโบ บาค มาจากอำเภอซุนเด ของเมืองโฟซาน จังหวัดกวางดง พ่อของเขาที่มีชื่อว่า เซนฮูยิง เป็นนักแสดงอุปรากรกวางตุ้ง บาค ได้สูญเสียพ่อเวลาที่เขาอายุได้เก้าปีแม่เลี้ยงผู้มีชื่อว่าไหว เป็นเลี้ยงดูเขา เขาได้รับการศึกษาเป็นเวลาสี่ปีในโรงเรียนเอกชนระบบเก่าอย่างไรก็ตาม ด้วยความจนเขาก็ต้องออกจากโรงเรียนและไปทำงานเป็นลูกมือและเป็นผู้ช่วยในร้านค้าเพื่อจะอยู่รอด

ในปี 1912 อันเป็นปีที่เขาอายุได้ 20 ปี บาคเคออล วิง ได้ไปร่วมคณะละครหมิงซูเนียน แสดงเป็นเซียโอเซ็ง (ปราชญ์หนุ่ม) และได้ฝึกเป็นฮัวดาน (หญิงสาวสวย) นักแสดงซาเจียโอ เว็นพวกเขาได้ร่วมกันแสดงในเรื่องมาดามงูขาว, บรรดาคู่รักผีเสื้อ (เหลียง ซานโบ และ ซูยิงตาย) และอุปรากรอีกหลายเรื่อง การไปร่วมแสดงอย่างนี้ทำให้ บาคเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้น แล้วก็ได้รับการส่งเสริมให้เป็น เซ็งหยินเซียโอเซ็ง (正印小生 นักแสดงนำที่เล่นเป็นปราชญ์หนุ่มในอุปรากรกวางตุ้ง)กลางปี 1913 เขาได้ไปเล่นร่วมกับคณะละคร กัวเฟ็งเนียนซึ่งเป็นคณะละครหนึ่งในสี่ที่มีชื่อเสียงที่เป็นหุ้นกับบริษัท อุปรากร กวางตุ้งบาวซาง ซึ่งสนับสนุนผู้แสดง เซียโอเซ็ง ในเรื่อง"เสียงร้องของ ซูย เหลียงขอให้ ซู ยู ช่วย เขาได้แสดงโดยเป็นผู้ออกแบบน้ำเสียงเองสำหรับตัวเขาเองส่วนในเรื่อง วิธีที่ติก ชิง ตราย ยึดธงไข่มุกเขาได้เปลี่ยนตัวผู้เขียนเรื่องที่เรียกชื่อว่า"ลิแบรทโต"เอง ส่วนใน นักปราชญ์ปลอมตัวไปพบสาวคนรัก เขาได้ร้องเพลง"ปินฮู(平喉, เป็นเสียงร้องของผู้ชายในอุปรากรกวางตุ้ง)"โดยใช้เสียงของเขาเองเป็นกวางตุงการทำเช่นนี้ทำให้ผู้คนรู้จักเขาอย่างกว้างขวางและทำให้เขามีชื่อเสียงด้วย ต่อมาเขาได้ไปร่วมกับคณะละครอุปราากรกวางตุ้งฮัวเตียนเล เป็น เซ็งยิน เซียโอเซ็ง (正印小生 ผู้แสดงนำที่เล่นปราชญ์หนุ่มในอุปรากรกวางตุ้ง) เวลานั้นเขาได้ไปเยี่ยมโรงละครที่กวางซูและฮ่องกงบ่อยๆ ในช่่วงระหว่างปี 1917 ถึงปี 1925 บาคได้รับความสำเร็จมากมายในการแสดงอุปรากรกวางตุ้ง ในอุปรากรที่แสดงเป็นชุดๆเรื่อง ความสุขนิรันดร์ เขาได้แสดงเป็นจักรพรรดิการแสดงที่เยี่ยมยอดและสไตล์ที่แหวกแนวทำให้ผู้ชมมีชีวิตชีวาจนก่อให้เกิดความวุ่นวายในมาเก๊าและที่ฮ่องกงเพราะการมีทักษะการแสดงที่เยี่ยมมากและการมีความสำเร็จในด้านศิลปะเขาจึงได้รับการขนานนามว่าเป็น "ราชาเซียโอเซ็งในเรื่องอุปรากรกวางตุ้ง"

ในช่วงระหว่างปี 1926 ถึงปี 1937บาคได้ออกไปแสดงในต่างประเทศหลายครั้ง ในปี 1926 เมื่อได้รับเชิญจากโรงละคร เดอะเกรท ชายนา เขาได้ไปร่วมแสดอุปรากรหลายเรื่อง อย่างเช่นเรื่องของหญิงที่เลือกมาเป็นภรรยาแบบผิดๆ และ ความเจ็บปวดเมื่อต้องแยกกันในซานฟรานซิสโก ซึ่งทำให้เขาเป็นที่รู้จักอย่างมากมายท่ามกลางพ่อค้าชาวจีนในต่างประเทศในปี 1936 เขาไปแสดงที่ ไฮ ฟอง, ไซ่ง่อน, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์และที่อื่นๆในเอเชียอาคเนย์ เป็นช่วงนี่แหละที่เขาเป็นที่รู้จักในนามว่าเป็น ราชาเซียโอเซ็งของอุปรากรกวางตุ้งในต่างประเทศ"ในช่วงทศวรรษนี้ เพราะไม่กล้าฝืนคำสั่งของเจ้านายของคณะละครบริษัทอุปรากรกวางตุ้งบาวซางบาค จึงพักการแสดงบนเวทีไประยะหนึ่งและหันไปบันทึกเสียงด้วยเครื่องกรัมโมโฟน การบันทึกเสียงที่เขาผลิตขึ้นมีนักปราชญ์ปลอมตัวไปพบสาวคนรัก, ความรักชั่วนิรันดร์และ เรื่องของหญิงที่เลือกมาเป็นภรรยาอย่างผิดๆในปี 1937 โรคสายตาได้เริ่มกลายเป็นอุปสรรคต่อการขึ้นแสดงบนเวทีของเขา เพราะเหตุนี้ ช่วงปี 1937 ถึงปี 1947จึงเป็นช่วงตกต่ำของชีวิตการงานของเขา ในปี 1938เมื่อกองกำลังเครื่องบินญี่ปุ่นถล่ม กวางซู บาค ได้ร่วมกับ ซิท โคก-ซิน เดินทางไปฮ่องกงในคณะละครอุปรากรกวางตุ้งโคก ซิน เซง พวกเขาได้ไปเล่นละครด้วยกำลังทรัพย์ของพวกเขาและได้ร่วมผลิตอุปรากรแบบชาวบ้านๆ อย่างเช่น เรื่อง ซับ-ซาม มิว(สิบสามสาวพี่น้อง) มิว อันเซียง, และ สามคำถามของซู เวียโอมิว เมื่อฮ่องกงถูกยึดครองโดยกองกำลังญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมายและเพื่อช่วยให้เพื่อนๆของเขาให้มีชีวิตอยู่ได้บาคได้เสี่ยงจัดตั้งคณะละครใหม่ขึ้นมาและแสดงเรื่อง หอกคู่ ลิว เว็นหลง, นกเปลี่ยวยามอาทิตย์อัสดงและเรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่อง

In 1951 เขาได้ไปร่วมกับทีมกูยีกวางซูเป็นหัวหน้าทีมในสงครามต่อต้านการบุกรุกของสหรัฐและช่วยเกาหลี(สงครามเกาหลีตั้งแต่ปี 1950 ถึงปี 1953)บรรดาทีมงานได้จัดทำกิจการกุศลขึ้นเพื่อหาทุนและซื้อเครื่องบินรบและปืนใหญ่สำหรับกองทัพอาสาจีนในปี 1955 ในอุปรากรเรื่อง"ความอยุติธรรมที่ยังจัดการไม่ได้"เขาได้แสดงเป็นชายแก่ตาบอดซึ่งทำให้เขาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้ชมของเขาต้นปี 1953 เมื่อกลุ่มอุปรากรกวางตุ้งของเมือง กวางซู ได้ถูกจัดตั้งขึ้นแล้วบาคผู้ซึ่งเวลานั้นเป็นหัวหน้ากลุ่มได้เน้นเรื่องการแสดงอุปรากรอย่างเช่นเรื่องตำนานงูขาว และ ตะเกียงดอกบัวเล่นบท ลาวเซ็ง(บทบาทชายชรา) และ ซูเซ็ง (ตัวตลกชาย) ก่อนการแสดงละครแต่ละครั้งเจ้าหน้าที่โรงละครจะเอาท่อนไม้ไผ่เล็กๆไปวางใต้พรมบนเวทีเพื่อว่า บาคจะได้รู้ว่าเขาอยู่ตรงไหนบนเวที เขาเล่นละครเท่าที่เขาจะได้ยินเวลาตัวละครคนอื่นเล่น ในปี 1955 บาคได้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนเขาเป็นสมาชิกคนแรกคนแรกในชุมชนอุปรากรกวางตุ้ง ในปี 1956เขาได้ไปที่ปักกิ่งเพื่อประชุมคณะคนงานฝ่ายผลิตหัวก้าวหน้าแห่งชาติ ในโถงของ ฮัวอีเร็น ที่ซองหนานไฮ่ (ที่ที่มีสำนักงานของหัวหน้าของคนจีน)เขาได้แสดงไฮไลท์ของอุปรากรจากเรื่อง ตะเกียงดอกบัว และได้รับการต้อนรับจากนายกรัฐมนตรี ซอด เอ็นลาย พร้อมๆกับเพื่อนนักแสดงคนอื่นๆ ในปี 1958เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลปะของโรงละคร อุปรากรกวางตุ้งกวางดงในปี 1959 เขาได้ทำหน้าที่เป็นประธานของโรงเรียน อุปรากรกวางตุ้งกวางดงและเขาได้สร้างผู้สืบทอดจากเขาอีกเป็นจำนวนมาก บาค เคออล วิง ยังได้เป็นรองประธานขอบสภาของจังหวัดกวางดงและเป็นประธานของสมาคมผู้แสดงละครชาวจีนสาขาเมืองกวางซู ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1974 เขาได้มรณะด้วยอายุ83 ปีที่เมืองกวางซูในโรงพยาพบาลอันดับหนึ่งของประชาชน ใน ชุมชนอุปรากรกวางตุ้งนี้ บาคเป็นศิลปินคนแรกๆที่เอาภาษากวางตุงมาใช้ทดแทนภาษาจีนแมนดารินเพื่อให้ผู้ชมเข้าใจได้ง่ายขึ้น ละครที่มีผู้เล่นคนเดียวของเขามีชีวิตชีวาและพูดไปตาามจังหวะการพูดของเขาชัดเจนและมีความรู้สึกชัดเจนดีเสียงร้องเพลงของเขาก็คล่องแคล่วและมีจังหวะดีทุกอย่างเหล่านี้ทำให้ผู้ชมหลงเสน่ห์เขาและอยากติดตามเขา ด้วยการฝึกซ้ำๆหลายเที่ยวเขาก็ได้พัฒนา"ปินฮู" ขึ้นมา (平喉 ให้เป็นเสียงผู้เล่นชายในอุปรากรกวางตุ้ง)"ของ จิน ซานบิง (เซียโอเซ็ง นักแสดงปรกติจะร้องเพลงด้วยเสียงจริงของตนเองมากกว่าจะใช้เสียงแหลมจนหลง).ตอนหลังๆการทำแบบนี้ได้กลายเป็นรูปแบบหลักๆในการร้องเพลงและทำให้การร้องเพลงในอุปรากรกวางตุ้งดีขึ้น